C042TA-100G Tranexamic Acid : ทรานซามิค เอซิด 100 กรัม

C042TA-100G Tranexamic Acid : ทรานซามิค เอซิด 100 กรัม
รายละเอียดทั่วไป
ทรานซามิค (Tranexamic Acid) กรดทราเนซามิค หรือ ทรานซามิน เป็นสารสังเคราะห์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเลียนแบบกรดอะมิโนที่ชื่อว่า ไลซีน ซึ่งในทางการแพทย์จะนำมาใช้ในการช่วยลดอาการตกเลือดหรือเลือดออกมากระหว่างเข้ารับการผ่าตัด โดยแพทย์จะให้ผู้ป่วยทานยาหรือทำการฉีดยาเข้าเส้น ซึ่งนอกจากช่วยห้ามเลือดแล้วยังพบว่าผลข้างเคียงของการใช้ทรานซามินนั้นสามารถช่วยยับยั้งในส่วนของเอ็นไซม์ที่ไปสร้างเม็ดสี แต่เป็นคนละตัวกับกลูต้าไธโอนที่ทำให้ผิวขาว ด้วยคุณสมบัติพิเศษนี้ทำให้ทรานซามินถูกนำมาใช้ในการรักษาฝ้าร่วมกับยาหรือเทคนิคอื่น
ทรานซามิค เอซิด ทำหน้าที่ให้ผิวกระจ่างใส ลดการก่อตัวของเม็ดสี melanin เหมาะสำหรับการใช้ลดปัญหาฝ้า ซึ่งมีชื่อเสียงในการเป็น Whitening Agent เพิ่มความขาวกระจ่างใสให้กับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะรอยดำหรือความหมองคล้ำที่เกิดขึ้นจากรังสีอัลตร้าไวโอเล็ต เช่น ฝ้า เป็นต้น คุณสมบัติเด่นนี้ทำให้กรดทรานซามิคกลายเป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอางบำรุงผิวขาวทั่วไป
กรดทรานซามิคมีสารสำคัญเช่น Lysine ซึ่งเป็นตัวหลักในการเข้าไปยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานิน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของผิวที่หมองคล้ำ การเข้าไปควบคุมการผลิตของเมลานินจะช่วยทำให้ฝ้า กระ และจุดด่างดำจางลงอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นยังคุณสมบัติในการยับยั้งการหลั่งของ Arachidonic Acid และการสร้าง Prostaglandins จึงส่งผลให้การทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานินลดน้อยลง จึงสามารถป้องการการเกิดจุดด่างดำทั้งก่อนและระหว่างกระบวนการเกิดรอยดำบนผิวได้
ขั้นตอนการทำงานของกรดทรานซามิค อันดับแรกคือการควบคุมการผลิตเม็ดสีเมลานินให้อยู่ในระดับที่สมดุล ไม่มากจนเกินไป และลด Tyrosinase ขั้นตอนต่อไปคือการควบคุมเซลล์ผิวที่อักเสบไม่ให้แพร่กระจายและกลายเป็นเมลาโนไซค์ที่จะไปกระตุ้นให้มีการผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้น ด้วย 2 ขั้นตอนนี้จะช่วยทำให้กระบวนการทำงานของเซลล์ผิวอยู่ในระดับที่เหมาะสม ช่วยส่งผลให้ผิวพรรณดูสว่างใสขึ้น จุดด่างดำดูจางลงและผิวแลดูมีสุขภาพดี

ประโยชน์และการนำไปใช้
Tranexamic acid เป็นตัวยาที่ใช้ในการรักษาโรคเป็นเวลานานแล้วกว่า 30 ปีที่ผ่านมา โดยในฝั่งเอเชียTranexamic acid มีชื่อเรียกว่า Transamin หรือ Transcam แต่ในฝั่งอเมริกาใต้จะใช้ชื่อว่า Espercil โดยใช้รักษาคนไข้ที่มีอาการเลือดออกเป็นจำนวนมาก ไหลไม่หยุด หรือภาวะที่ผิดปกติของระบบการแข็งตัวของเลือดป็นต้น โดย Tranexamic acid จะทำให้เกล็ดเลือดแข็งตัว เลือดจึงหยุดไหล แต่ปัจจุบันนี้ได้นำมาใช้ในการรักษาผิวให้ขาวสดใสได้ด้วย เพราะในตัวของ Tranexamic Acid นั้นมีสารสำคัญอย่าง lysine ซึ่งเข้าไปยับยั้งการผลิตเม็ดสีผิว และช่วยลดฝ้า กระและจุดด่างดำได้ มีคุณสมบัติในการยับยั้งการหลั่งของ arachidonic acid และการสร้าง prostaglandins จึงทำให้การทำงานของเอนไซม์ tyrosinase ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการสร้างเม็ดสีลดลง จึงสามารถป้องกันการเกิดรอยดำจากการกระตุ้นของรังสียูวีได้
ดังนั้นแล้วสรุปว่า Tranexamic acid สามารถยับยั้งกระบวนการสร้างเมลานิน (Melanin produce) โดยกลไกการแข่งขันยับยั้งกิจกรรมของพลาสมิโนเจน แอคทีเวเตอร์ จึงทำให้สาร Tranexamic Acidมีคุณสมบัติในการลดจุดด่างดำ รอยหมองคล้ำ และเป็น Whittening agent ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม

คุณสมบัติของทรานซามีน Tranexamic acid ในการบำรุงผิว
ทรานซามิน ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่งกระจ่างใส โดยทำงานเข้ากับเชลล์ผิวชั้นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสร้างเม็ดสีที่มากเกินไป ทำหน้าที่ในการควบคุมการสื่อสารระหว่างเซลล์ส่วนเกิน และจำกัดการผลิตเมลานิล โมเลกุลที่มีประสิทธิภาพหลากหลายในหนึ่งเดียว หรือ Polyactive โดยสามารถยับยั้งการเกิดจุดด่างดำทั้งก่อนและระหว่างกระบวนการเกิดจุดด่างดำบนผิว ประการแรกคือควบคุมกระบวนการผลิตเมลานินให้อยู่ในระดับปกติ ประการที่สองคือ ปลอบประโลมและควบคุมเซลล์ผิวที่อักเสบเรื้อรังจากความเครียดไม่ให้แพร่กระจายและกลายเป็นเมลาโนไซค์ที่ส่งสัญญานให้ผลิตเมลานินเพิ่ม ด้วยสองกระบวนการนี้ การผลิตเมลานินของผิวหนังจึงถูกปรับให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมสำหรับผิวสุขภาพดี

กลไกการทำงานของ Tranexamic acid
Tranexamic acid มีคุณสมบัติควบคุมการผลิตเม็ดสีเมลานินให้อยู่ในระดับสมดุล ผิวจึงได้รับการฟื้นฟูความขาวกระจ่างใสอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถป้องกันการเกิดรอยดำจากการกระตุ้นของรังสียูวีได้ และสามารถลดเลือนฝ้า กระ อย่างได้ผล
ปริมาณการใช้ที่แนะนำ : 0.1-1% ปัจจุบัน อ.ย. และ FDA ASEAN อนุญาติให้ใช้ได้ไม่เกิน 3%

ข้อมูลสินค้า
ชื่อทั่วไป : ranexamic Acid / trans-4-(Aminomethyl)cyclohexane carboxylic Acid
แหล่งผลิตสินค้า : สิงคโปร์ (Singapore)